ชื่อ | วัดศรีโคมคำ |
---|---|
ที่อยู่ | หมู่บ้าน ๖๙๒ |
โทรศัพท์ | ๐ ๕๔๔๓ ๑๙๖๓ |
โทรสาร | |
จังหวัด | พะเยา |
อำเภอ | เมืองพะเยา |
ตำบล | เวียง |
วัดศรีโคมคำ ตั้งอยู่ในเทศบาลเมืองพระเยา พุทธศักราช ๒๐๓๔ ถึง พุทธศักราช ๒๐๖๗ พระยาเมืองตู้เจ้าผู้ครองเมืองพระเยา ได้อุปถัมภ์การก่อสร้างพระประธาน ( พระเจ้าตนหลวง) จนสำเร็จซึ่งถือว่าวัดศรีโคมคำได้เป็นวัดโดยสมบูรณ์ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:office" />
ในกาลต่อมาหัวเมืองต่างๆของล้านนาไทยหลายหัวเมืองถูกพม่าเข้ารุกราน ทำให้ประชาชนแตกกระจัดกระจายต้องสูญเสียประชาชนและทรัพย์แก่ข้าศึก แม้ทรัพย์สินของพระศาสนาก็ต้องทอดทิ้งปล่อยให้ปรักหักพังบ้านเมืองรกร้างว่างเปล่าอยู่ประมาณ ๕๖ ปี ถึงพุทธศักราช ๒๓๘๗ ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพุทธวงศ์ เมืองลำปางเป็นพระยาประเทศอุดรทิศขึ้นมาครองเมืองพระเยา ทรงตั้งนายมหายศเป็นพระยาอุปราช
ครั้นพระยาประเทศอุดรทิศ ถึงแก่นิจกรรมไปทรงโปรดเกล้าฯ นายมหายศขึ้นครองเมืองพะเยาแทน ทรงตั้งเจ้าบุรีรัตขึ้นเป็นพระยาอุปราชแทน ท่านทั้ง ๒ ได้เริ่มบูรณะองค์พระประธาน และบูรณะวัดศรีโคมคำขึ้นใหม่ เริ่มก่อสร้างพระวิหารและเสนาสนะขึ้นมีสภาพเป็นวัดสมบูรณ์ ต่อจากนั้น เจ้าผู้ครองเมืองพระเยาอีกหลายองค์ เช่น เจ้าหลวงอินทะชมพู เจ้าหลวงขัตติยะ เจ้าหลวงชัยวงศ์ จนถึงองค์สุดท้าย คือ พระยาประเทศอุดรทิศ (มหาชัย ศีติสาร) ครองเมืองพะเยา ทุกองค์ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดศรีโคมคำ
พระวิหารหลังเก่าสร้างมาช้านานชำรุดสุดโทรม พระยาประเทศอดุทิศทรงรื้อแล้วก่อสร้างใหม่ โดยนายช่างพัฒน์เป็นช่างก่อสร้าง ก่อสร้างเป็นเวลานาน ไม่เสร็จ นายช่างพัฒน์ถึงแก่กรรม ครั้งต่อมาการปรกครองบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงจากเจ้าผู้ครองเมืองมาเป็นระบอบการปกครองเป็นมณฑล เรียนมณฑลพายัพ กระจายอำนาจบริหารออกเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ตำแหน่งเจ้าผู้ครองก็เลิกรางไป พระยาประเทศอุดรทิศกราบบังคมลาออกจากตำแหน่งทางการ จึงแต่งตั้งนายคล้ายบุษยบรรณ มาเป็นนายอำเภอเมืองพะเยา ในสมัยนั้นพระยาประเทศอุดรทิศแม้พ้นจากตำแหน่งแล้วก็ยังให้การอุปถัมภ์พระศรีโคมคำเช่นเดิม
ขณะนั้นได้ทราบกิตติศัพท์ ว่า ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนานไทยเกิดขึ้น ท่านสังกัดอยู่วัดบ้าน ปางอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ท่านมีบารมีธรรมสูง ทำการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ โบราณวัตถุสถาน ในเขตท้องที่ปรึกษากัน ทางฝ่ายคณะสงฆ์มีพระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าเมืองแขวง เมืองพะเยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองมี พระยาประเทศอุดรทิศ อดีตเจ้าผู้ครองเมือง และนายคล้ายบุษยบรรณ ในอำเภอเมืองพะเยา พร้อมด้วยพ่อค้าคหบดีประชาชนต่าง ก็เห็นชอบพร้อมเพียงกัน จึงไปอาราธนาครูบาศรีวิชัย เป็นประธานก่อสร้างพระวิหาร ท่านสอบถามถึงประวัติความเป็นมา ของพระเจ้าตนหลวงว่าเป็นอย่างไร เมื่อได้รับทราบว่า เป็นโบราณวัตถุอันเก่าแก่มีหลักฐานแน่นอน ท่านจึงรับมาสร้าง แต่มีเงื่อนไขว่า ให้คณะสงฆ์และประชาชน ชาวพะเยาเตรียมวัสดุก่อสร้างไว้ให้พร้อม อาทิ อิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก
พระครูศรีวชิรปัญญา เจ้าขณะแขวงเมืองพะเยา จึงได้ปรึกษาคณะสงฆ์ เจ้าคณะหมวด เจ้าอาวาส ภิกษุ สามเณรทุกวัดวาอาราม เข้ามาตั้งปางกระท่อม ปั้นอิฐก็ได้ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ก้อน ทาย หิน โดยขอความร่วมมือผู้มีกำลังต่างก็หามาได้จนครบถ้วนแล้วไปอาราธนาท่านอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวัสดุอุปกรณ์ครบถ้วนแล้ว ท่านรับนิมนต์ทันทีแล้วเตรียมเอาพระภิกษุผู้ชำนาญการก่อสร้างมาเป็นบริวาร ออกเดินทางมาจากจังหวัดลำพูนตามลำดับเส้นทางมาจนถึงเมืองพะเยา เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๖๕
วันที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๖๕ ขึ้น ๑ ค่ำ เริ่มลงมือรื้อพระวิหารหลังเก่าจนเสร็จเรียบร้อย วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ วางศิลาฤกษ์ ลงเสา พระวิหารใหญ่ต่อจากนั้นก็เทเสาพระวิหารอื่นต่อไป ขุดรากฝาผนัง ก่อฝาผนัง และก่อกำแพงล้อมรอบ สร้างศาลาบาตร (ศาลาทราย) รอบกำแพงวัดสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร พระพุทธบาทจำลอง สร้างพร้อมกันทั้งหมดทุก ๆ หลังในคราวเดียวกันและก่อสร้างภายในปีเดียวเหมือนเนรมิต คิดค่าก่อสร้างเป็นจำนวน ๑๑๓,๐๐๐ รูปี (รูปีหนึ่งคิดราคา ๗๕ สตางค์)
ครั้นต่อมาเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๗ ทำบุญฉลองพระวิหารพร้อมกับศาสนวัตถุอื่น ๆ ที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงทำบุญฉลองพระวิหารพระวิหารนานประมาณ ๑ เดือน จึงแล้วเสร็จ หลังจากทำบุญฉลองแล้วครูบาศรีวิชัยก็กลับจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มสร้างพระวิหารวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มอบหมายให้พระครูบาแก้ว คนฺธวํโส เป็นผู้รับภารธุระการดูแลรักษาโบราณวัตถุและพระวอหารแทน
วัดศรีคำโคม ได้สร้างประมาณ พุทธศักราช ๒๐๓๔ ตั้งแต่เริ่มสร้างพระเจ้าตนหลวงมาแล้ว เจ้าอาวาสองค์แรกที่ปรากฏในตำนานคือพระธรรมปาล ท่านผู้นี้ได้ทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่ คือได้เขียนตำนานพระเจ้าตนหลวงออกเผยแพร่แก่ประชาชนที่หนีภัยสงครามแล้วกลับเข้ามาสู่เมืองพะเยา ภายหลังได้ทราบเรื่องราวตำนานนี้ก็เกิดศรัทธาทะยิ่งใหญ่ อยู่ต่ออีกประมาณ ๔๐๔ ปี พุทธศักราช ๒๔๐๐ พระกัปปินะเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่ง มีบันทึกในสมุดข่อย บันทึกไว้ว่าแสนทักขิระเขียน ดวงชะตาพระเจ้าตนหลวง มีพระปาละเขียนไว้ให้ท่านให้รับทราบ แสดงว่าวัดศรีโคมคำเป็นวัดมาแต่โบราณกาล แต่มาในยุคหลังบ้านเมื่อตกอยู่ในภาวะสงคราม ต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่ตามหัวเมืองที่ปลอดภัยจากข้าศึก ทำให้บ้านเมือง วัดวาอารามรกร้างว่างเปล่าไปต่อมาภายหลังได้สถาปนาเมืองพะเยาขึ้น บ้านเมืองวัดวาอารามก็ถูกบูรณะขึ้นโดยลำดับ
วัดศรีโคมคำ เริ่มก่อสร้างหลังสุดเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ พระครูศรีวิราชปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมือง อดีตเจ้าผู้ครองเมืองพะเยาพระยาประเทศอุดรทิศ และอดีตนายอำเภอเมืองพะเยาคือ หลวงสิทธิประสาสน์ (คลาย บุษยบรรณ) นายอำเภอเมืองพะเยาคนแรก ได้ร่วมใจกันอาราธนาครูบาศรีวิชัย จังหวัดลำพูน มาเป็นประธานในการก่อสร้างเสนาเสนะต่างๆ จนสำเร็จบริบูรณ์ และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓
สถานะและที่ตั้งวัด
วัดศรีโคมคำ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๖๙๒ ถนนพหลโยธิน ตำบลเวียง อำเภอเมืองพระเยา จังหวัดพะเยา ที่ดินที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ จำนวน ๗๔ ไร่ ๘ ตารางวา (ที่ธรณีสงฆ์มี ๖ แปลง มีเนื้อที่ทั้งสิ้นจำนวน ๑๖๙ ไร่ ๓๕ ตารางวา)
สิ่งสำคัญในพระอาราม
<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" />
พระธาตุจอมทอง
|
พระวิหารหลังปัจจุบัน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ โดยท่านครูบาศรีวิชัย มีขนาดกว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๕๐ เมตร ก่อด้วยอิฐถือปูน มีลักษณะเป็นศิลปะแบบล้านนาไทย
พระอุโบสถหลังเก่า ขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๘ เมตร ศิลปะแบบล้านนาไทย
วิหารพระพุทธบาท ขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๘ เมตร ทรงมณฑปแบบล้านนาไทย